เงินฟรีมาแล้ว! รู้เท่าทัน ‘แจกเงินฟรี’ หลอกลวง ระวังกับดักดิจิทัล

เงินฟรีมาแล้ว! รู้เท่าทัน ‘แจกเงินฟรี’ หลอกลวง ระวังกับดักดิจิทัล

## เงินดิจิทัล โอกาส หรือ กับดัก? ไขรหัส ‘แจกเงินฟรี‘ ในยุคออนไลน์ที่ต้องรู้เท่าทัน

ในโลกปัจจุบันที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราอย่างแยกไม่ออก ตั้งแต่การสั่งอาหารเดลิเวอรี่ จ่ายบิล ไปจนถึงการลงทุนทำธุรกิจ ช่องทางดิจิทัลได้กลายเป็นสนามแห่งโอกาสใหม่ ๆ รวมถึงการเข้าถึงแหล่งเงินทุน หรือแม้แต่สิ่งที่หลายคนเรียกว่า ‘แจกเงินฟรี‘ ซึ่งเป็นทั้งข่าวดีและข่าวร้ายในเวลาเดียวกัน

ลองนึกภาพตามนะครับ… คุณลุงบุญ ซึ่งปกติก็ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีเท่าไร วันหนึ่งได้รับข้อความทางแอปพลิเคชันไลน์ อ้างว่าเป็นหน่วยงานรัฐบาล แจ้งว่ามีโครงการเยียวยาประชาชน แค่คลิกลิงก์นี้ กรอกข้อมูลส่วนตัว แล้วจะได้เงินสนับสนุนทันที คุณลุงบุญเห็นคำว่า ‘แจกเงินฟรี‘ ตาโต ด้วยความดีใจ รีบคลิกลิงก์ทันที โดยไม่ทันตรวจสอบให้ดี สุดท้าย ไม่ได้เงินสักบาท แถมยังเกือบเสียเงินในบัญชีไปอีกด้วย

เรื่องราวของคุณลุงบุญสะท้อนให้เห็นถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในยุคดิจิทัล ที่โอกาสและภัยคุกคามมักมาคู่กัน ข้อมูลเชิงลึกจากหลายแหล่งชี้ให้เห็นว่า ขณะที่ภาครัฐเองก็พยายามใช้ช่องทางดิจิทัลในการกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชนผ่านโครงการต่าง ๆ การใช้แอปพลิเคชัน Wallet หรือกระเป๋าเงินดิจิทัลก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่ในทางกลับกัน มิจฉาชีพก็อาศัยช่องทางเหล่านี้ในการหลอกลวงผู้คนเช่นกัน

**เมื่อภาครัฐขยับ… โอกาสก็มาถึงประชาชน**

ที่ผ่านมา เราได้เห็นความพยายามของภาครัฐในการนำเครื่องมือทางการเงินดิจิทัลมาใช้เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นโครงการในอดีตที่สนับสนุนค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือแนวคิดอื่น ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วมีวัตถุประสงค์เพื่ออัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เพิ่มกำลังซื้อ และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน การดำเนินการเหล่านี้มักอาศัยแพลตฟอร์มดิจิทัล ทำให้ประชาชนเข้าถึง “เงิน” หรือสิทธิประโยชน์ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ

นอกจากนี้ แอปพลิเคชันกระเป๋าเงินดิจิทัลยอดนิยมอย่าง TrueMoney Wallet หรือผู้ให้บริการรายอื่น ๆ ก็มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่น่าสนใจ เช่น การให้ภารกิจที่เมื่อทำสำเร็จแล้วจะได้รับเครดิตเงินคืน หรือส่วนลดต่าง ๆ บางกิจกรรมอาจให้ผลตอบแทนที่สูงพอสมควร หากทำตามเงื่อนไขได้ครบถ้วน เช่น ภารกิจที่อาจให้ผลตอบแทนรวมกันถึง 10,000 บาท หากทำตามขั้นตอนและภายในระยะเวลาที่กำหนด (เช่น 5 วัน) สิ่งเหล่านี้เป็นรูปแบบหนึ่งของ “โอกาส” ในการสร้างรายได้เสริมหรือประหยัดค่าใช้จ่ายที่มาพร้อมกับยุคดิจิทัล ซึ่งหากพิจารณาและทำความเข้าใจเงื่อนไขอย่างรอบคอบ ก็เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์

**แต่เหรียญมีสองด้าน… กับดัก ‘แจกเงินฟรี‘ ที่ต้องระวัง**

อย่างไรก็ตาม ความสะดวกและโอกาสในโลกดิจิทัลก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่ต้องตระหนัก ข้อมูลในปี 2023 แสดงให้เห็นว่า คดีเกี่ยวกับการหลอกลวงทางออนไลน์มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และหนึ่งในเหยื่อล่อที่มิจฉาชีพนิยมใช้คือการอ้างว่าจะ ‘แจกเงินฟรี‘ หรือให้ผลตอบแทนที่สูงเกินจริง

ภัยคุกคามเหล่านี้มีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ข้อความ SMS หรือไลน์ที่อ้างเป็นหน่วยงานรัฐ ธนาคาร หรือบริษัทเอกชน โดยมีลิงก์ปลอมเพื่อให้กรอกข้อมูลส่วนตัว รหัสผ่าน หรือแม้แต่รหัส OTP หรือบางครั้งอาจมาในรูปแบบของการชักชวนให้ลงทุนในแพลตฟอร์มที่ไม่น่าเชื่อถือ โดยอ้างว่าจะให้ผลตอบแทนสูงในเวลาอันสั้น ซึ่งบ่อยครั้งเป็นแชร์ลูกโซ่หรือการหลอกลงทุนที่ไม่มีอยู่จริง แม้แต่การได้รับเงินโอนเข้ามาในบัญชีอย่างไม่คาดคิด ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการหลอกลวงได้เช่นกัน ดังที่คุณ Deepseek ได้วิเคราะห์ไว้ การใช้เรื่องราวที่ซับซ้อน เช่น การอ้างเรื่องหนี้ต่างประเทศปลอม ๆ ก็ถูกนำมาใช้หลอกผู้คนที่ไม่คุ้นเคยกับข้อมูลเหล่านี้

นอกจากนี้ การลงทุนในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) ผ่านแพลตฟอร์มที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย ก็มีความเสี่ยงสูงมาก ลองจินตนาการว่า หน่วยงานกำกับดูแลในไทย เปรียบเสมือนเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่ทำหน้าที่ตรวจสอบคนเข้าประเทศ หากแพลตฟอร์มลงทุนนั้นไม่ได้ผ่านการตรวจสอบหรือได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ เช่น สำนักงาน ก.ล.ต. ของไทย การเข้าไปลงทุนก็เหมือนกับการพยายามเข้าประเทศโดยไม่มีวีซ่าที่ถูกต้อง ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวง ไม่มีกลไกคุ้มครอง และอาจสูญเสียเงินทั้งหมดได้ ข้อมูลเชิงลึกชี้ให้เห็นว่า การกล่าวถึงแพลตฟอร์มเฉพาะเจาะจงอย่าง MTrading (ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ Deepseek ยกมา) ควรทำอย่างเป็นกลาง โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการตรวจสอบการกำกับดูแลมากกว่าการกล่าวถึงชื่อแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่งในแง่ลบโดยตรง

**ป้องกันตัวเองอย่างไรในยุค ‘แจกเงินฟรี‘ ปลอมเกลื่อน?**

การรู้เท่าทันและมีสติเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุด ผู้เชี่ยวชาญมักย้ำหลักการง่าย ๆ ที่เรียกว่า “ลิ้นชักเงินสด” นั่นคือ การแบ่งเงินออกเป็นส่วน ๆ เงินที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เงินออมฉุกเฉิน เงินออมระยะยาว และเงินลงทุน/เงินที่ยอมรับความเสี่ยงได้ เงินที่จะนำไปลงทุนหรือร่วมกิจกรรมที่อาจมีความเสี่ยง ควรเป็นเงินในส่วนสุดท้ายนี้เท่านั้น หรือพูดง่าย ๆ คือ เป็นเงินที่คุณ “พร้อมที่จะเสียไป” ได้โดยไม่เดือดร้อนต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

ประการต่อมาคือ “การตรวจสอบ” เสมอ หากได้รับข้อเสนอที่ดูดีเกินจริง โดยเฉพาะที่อ้างว่าจะ ‘แจกเงินฟรี‘ หรือให้ผลตอบแทนสูงลิ่ว ให้สงสัยไว้ก่อนเสมอ และปฏิบัติตาม 3 ขั้นตอนการตรวจสอบพื้นฐาน:

1. **ตรวจสอบแหล่งที่มา:** ข้อความหรือการติดต่อมาจากช่องทางทางการจริงหรือไม่? ชื่อผู้ส่งไลน์ดูน่าเชื่อถือหรือไม่? เบอร์โทรศัพท์ใช่เบอร์ที่ใช้ติดต่อทั่วไปของหน่วยงานนั้น ๆ หรือไม่?
2. **ตรวจสอบข้อมูลกับช่องทางทางการ:** อย่าเพิ่งเชื่อข้อมูลที่ได้รับทันที ให้เข้าเว็บไซต์ทางการของหน่วยงานที่ถูกอ้างถึง (เช่น เว็บไซต์กระทรวงการคลัง, เว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย, เว็บไซต์สำนักงาน ก.ล.ต.) หรือโทรสอบถามไปยังเบอร์ Call Center อย่างเป็นทางการ (เช่น 1888 สำหรับภาครัฐ) เพื่อยืนยันว่ามีโครงการหรือกิจกรรมนั้นอยู่จริงหรือไม่
3. **อย่าเพิ่งให้ข้อมูลส่วนตัวหรือกดลิงก์ที่น่าสงสัย:** หากไม่แน่ใจ ห้ามให้ข้อมูลบัตรประชาชน เลขบัญชี รหัสผ่าน หรือรหัส OTP เด็ดขาด และหลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์ที่ไม่รู้จัก เพราะอาจเป็นลิงก์ปลอมที่ออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลของคุณ

**สรุป**

ในยุคดิจิทัล โอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงินและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์นั้นมีอยู่จริง ทั้งจากนโยบายของภาครัฐที่ต้องการ ‘แจกเงินฟรี‘ ในรูปแบบของการเยียวยาหรือกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือจากกิจกรรมส่งเสริมการขายของผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน Wallet แต่ในขณะเดียวกัน มิจฉาชีพก็ใช้ช่องทางเดียวกันนี้ในการหลอกลวงผู้คน โดยเฉพาะผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี โดยมีเหยื่อล่อคือคำว่า ‘แจกเงินฟรี‘ หรือผลตอบแทนที่สูงเกินจริง

หัวใจสำคัญคือการมี “สติ” และ “ความรู้เท่าทัน” อย่าหลงเชื่ออะไรง่าย ๆ โดยเฉพาะสิ่งที่ดูดีเกินจริง ตรวจสอบข้อมูลกับแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้เสมอ และอย่าลืมหลักการบริหารเงินพื้นฐาน รู้ว่าเงินส่วนไหนคือเงินที่คุณพร้อมรับความเสี่ยงได้ การเป็นพลเมืองดิจิทัลที่ชาญฉลาดและระมัดระวัง จะช่วยให้เราคว้าโอกาสจากโลกออนไลน์ได้โดยไม่ตกเป็นเหยื่อของกับดัก ‘แจกเงินฟรี‘ ที่แฝงมากับการหลอกลวง.

Leave a Reply

Back To Top